THE STORAGE OF DATABASE FOR INFORMATION SYSTEM MANAGEMENT OF SCHOOL UNDER THE SECONDARY EDUCATOINAL SERVICE AREA OFFICE NAHKON SAWAN.

Abstract

The purpose of this study was to study and compare the Storage of Database for Information system management of school under the Secondary Education Service Area Office Nakhon Sawan, classified by experience and school size. The sampling consisted of 37 administrators by purpose sampling and 290 teachers/educational personnels by selected through The Table of Krejcie & Morgan, stratified random sampling that totaled 327 individuals in the the Secondary Education Service Area Office Nakhon Sawan. The instrument used in the study was a questionnaire. The statistics used in data analysis were percentage, mean, standard deviation, F – test and Scheffe’s method was also employed to test the differences of pairs.

The results of the study were :

1. The overall the Storage of Database for Information system management of school under the Secondary Education Service Area Office Nakhon Sawan was compared at high level.

2. The Storage of Database for Information system management of school under the Secondary Education Service Area Office Nakhon Sawan was compare across experience. Overall was no significant difference in the Storage of Database for Information system management of school, but in Information system about the student had statistically significant difference level .05 .That was the administrators and teachers/educational personnels who has experience less than 5 years has comment level more than who has experience 5 – 10 years.

3. The Storage of Database for Information system management of school under the Secondary Education Service Area Office Nakhon Sawan was compare across size. Overall and each side , the administrators and teachers/educational personnels had statistically significant difference level .05 . That was the extra large school has comment level more than the small school, medium, big schools.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาการจัดเก็บระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์ 2) เพื่อเปรียบเทียบการจัดเก็บระบบมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์ ตามประสบการณ์ในการทำงาน และขนาดของสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 37 คน ที่ได้มาโดยการเลือกแบบ เจาะจง (Purposive Sampling) ครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 290 คน โดยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางของเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan) และสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น (Stratified random sampling) ตามสัดส่วนขนาดโรงเรียน รวมทั้งสิ้น 327 คน จาก 37 โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าเป็นแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติในการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการเปรียบเทียบใช้การทดสอบค่า F – test และทดสอบความแตกต่างรายคู่ด้วยวิธีของเชฟเฟ (Scheffe)

ผลการวิจัย พบว่า

1. การจัดเก็บระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์ ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก

2. การเปรียบเทียบการจัดเก็บข้อมูลระบบสารสนเทศเพื่อการบริหารโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์จำแนกตามประสบการณ์ ในภาพรวมพบว่าไม่แตกต่างกัน แต่เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านระบบสารสนเทศเกี่ยวกับผู้เรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มี ประสบการณ์ 5 – 10 ปี มีระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดเก็บระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารโรงเรียน มากกว่าผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ส่วนด้านอื่นไม่แตกต่างกัน

3. การเปรียบเทียบการจัดเก็บระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษานครสวรรค์จำแนกตามขนาดของสถานศึกษา ในภาพรวมและรายด้าน พบว่าแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ มีระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดเก็บระบบข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารโรงเรียน มากกว่า โรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่