การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบฝึกปฏิบัติเป็นฐานร่วมกับแนวคิดการเสริมต่อการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนสื่อสารสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2

Abstract

The purposes of this research are 1) to create and explore the effectiveness of learning activities using practice based learning management and scaffolding to promote communication writing ability for prathomsuksa 2 students according to the 80/80 criteria 2) to compare the writing skill for communication with the 80 criteria of prathomsuksa 2 students and 3) to examine the students' satisfaction of Continuous learning activities using practice based learning management and scaffolding. The sample group was Prathomsuksa 2 students at Huai Yai Yang Ngam School in semester 2 of the academic year 2022. The participants of this study consisted of seven Prathomsuksa 2 students chosen by purposive sampling. The instruments used in this research were activities and manuals for learning activities using practice-based learning management and scaffolding, writing for communication test form, and satisfaction assessment form. Statistics used in data analysis were percentage, mean (X̄), standard deviation (S.D.) and efficiency (E1/E2)

The results of this research were as follows: 1) learning activities using practice based learning management and scaffolding had the efficiency value was 80.15/80.33 which meets the specified criteria 80/80, 2) students had the communication writing ability to post - learning with an average score of 49.43, representing 82.38 percent, considered to pass the criteria of 80 percent, and 3) students' satisfaction in learning activities was at a high level.

การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบฝึกปฏิบัติเป็นฐานร่วมกับแนวคิดการเสริมต่อการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการเขียนสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาความสามารถในการเขียนสื่อสารของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียน โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบฝึกปฏิบัติเป็นฐานร่วมกับแนวคิดการเสริมต่อการเรียนรู้ กับเกณฑ์ร้อยละ 80 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบฝึกปฏิบัติเป็นฐานร่วมกับแนวคิดการเสริมต่อการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนห้วยใหญ่ยางงาม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 7 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ กิจกรรมและคู่มือการใช้กิจกรรมการเรียนรู้ แบบวัดความสามารถในการเขียนสื่อสาร และแบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (X̄) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าประสิทธิภาพ (E1/E2)

ผลการวิจัย พบว่า 1) กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบฝึกปฏิบัติเป็นฐานร่วมกับแนวคิดการเสริมต่อการเรียนรู้ที่สร้างขึ้น มีค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 80.15/80.33 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 2) นักเรียนมีความสามารถในการเขียนสื่อสารหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ย 49.43 คิดเป็นร้อยละ 82.38 ถือว่าผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 และ 3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก