การพัฒนาความสามารถในการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงโฟนิกส์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านหนองพระ จังหวัดพิจิตร

Abstract

The purposes of this study were 1) to construct and determine the efficiency of phonics reading skill exercises 2) to compare the achievement of the reading ability of English with pretest and posttest after using the developed exercises. The sample size of the research were 20 students at Bannongpra School, Phichit Province. There was 1 room of the forth grade of the second semester of 2022 academic year calculating used purposive sampling. The research instruments were 1) lesson plans, 2) phonics reading skill exercises, and 3) pretest and posttest for students in grade 4. The data was analyzed by means of descriptive statistics, including percentage, mean (x), the standard deviation (S.D.), T-Test Dependent, and the efficiency of learning (E1/E2). The results showed that: 1. The phonics reading skill exercises for students in grade 4 have efficiency equal 83.26/80.25 were higher than standard gain 80/80 2. The learning achievement of the reading ability of English after using the exercises was at .05 level of significant.

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงโฟนิกส์ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการออกเสียงด้วยการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงโฟนิกส์ ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านหนองพระ จังหวัดพิจิตร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวนทั้งหมด 20 คน โดยวิธีการคัดเลือกแบบสุ่มแบบเจาะจง (Purposive Selection) เนื่องจากมีเพียงห้องเดียว เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้แบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงโฟนิกส์ แบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงโฟนิกส์ และแบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านออกเสียงโฟนิกส์ การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติพื้นฐาน หาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (x) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่า T (T-Test Dependent) และประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงโฟนิกส์ โดยใช้สูตรคำนวณหาค่าประสิทธิภาพ E1/E2 ผลการวิจัย พบว่า 1. ผลการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงโฟนิกส์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านหนองพระ พบว่า มีประสิทธิภาพโดยรวม (E1/E2) เท่ากับ 83.26/80.25 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่กำหนดไว้ 2. ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการออกเสียงด้วยการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงโฟนิกส์ก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านหนองพระ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05