THE COOPERATIVE LEARNING MANAGEMENT THROUGH STUDENT TEAMS-ACHIEVEMENT DIVISIONS (STAD) AND MIND MAPPING TO DEVELOP THE SUMMARIZING WRITING COMPETENCY FOR MATTHAYOMSUKSA 1 STUDENTS

Abstract

This research aimed 1) to create a collaborative learning management plan using the STAD technique together with mind mapping for Mathayomsuksa 1 students, 2) to compare pre- and post-study regarding competences of summarization by conducting the collaborative learning management using the STAD technique together with mind mapping for Mathayomsuksa 1 students, and 3) to study satisfactions among students towards the collaborative learning management using the STAD technique together with mind mapping in order to enhance competences of summarization for Mathayomsuksa 1/4 students by conducting collaborative study using the STAD technique together with mind mapping for 43 Mathayomsuksa 1 students of Muang Sawankhalok Municipal Secondary School, Sawankhalok district, Sukhothai province, studying in semester 2 academic year 2564, which were obtained from simple random sampling by drawing lots. The research instruments were 1) 5 learning management plans using the collaborative learning management using the STAD technique together with mind mapping, 2) a competency test about summarization which was 5 items of subjective test, totaling 50 scores, and 3) student satisfaction assessment towards the collaborative learning management using the STAD technique together with mind mapping. The statistics used in data analysis were mean, standard deviation and dependent t-test.

The findings illustrated that 1) consideration on appropriateness of elements of the collaborative learning management plan using the STAD technique together with mind mapping in order to develop the competences of summarization for Mathayomsuksa 1 investigated by experts included total at the greatest level, 2) in terms of comparison of the summarization competences by conducting the collaborative learning management using the STAD technique together with mind mapping, the post-learning was statistically significantly higher than the pre-learning at level .05, and 3) overall satisfactions among students towards the collaborative learning management using the STAD technique together with mind mapping were at the highest level.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับการใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) เปรียบเทียบความสามารถด้านการเขียนย่อความก่อนและหลังเรียนด้วยการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับการใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) สำหรับนักเรียนชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 1 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับการใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/4 โรงเรียนมัธยมศึกษาเทศบาลเมืองสวรรคโลก ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 43 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่ายโดยการจับสลาก เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับการใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) 2) แบบวัดความสามารถในการเขียนย่อความ 3) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับการใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบ t-test dependent

ผลการวิจัย พบว่า 1) แผนจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับการใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) ประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การเขียนย่อความจากข่าว การเขียนย่อความจากนิทาน การเขียนย่อความจากเรื่องสั้น การเขียนย่อความจากบทความ และการเขียนย่อความจากบทร้อยกรอง มีความเหมาะสมระดับมากที่สุด (x̄ = 4.53, S.D. = 0.51) 2) ความสามารถด้านการเขียนย่อ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับการใช้แผนผังความคิด (Mind Mapping) ในภาพรวม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด (x̄ = 4.52, S.D. = 0.52)