การสร้างแบบฝึกทักษะโดยใช้วิธีการสอนแบบ SQ5R เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

Abstract

The purpose of the research was 1) toestablish and determine the effectiveness of critical reading judgement training materials analytically using the SQ5R method by the Mathayomsuksa 5 students according to criteria 85/85, 2) to compare the ability to read and judge critically before and after organizing learning activity using the critical reading judgement training materials 3) to study the satisfaction of Mathayomsuksa 5 students towards critical reading judgement training materials. The sample group consisted of 30 students from Mathayomsuksa 5/1. semester 2 of the academic year 2022 which was obtained by cluster sampling. The research instruments were 1) Critical reading judgement training material 2) Lesson plan by utilizing the SQ5R method together with training material 3) Critical reading judgement ability test 4) Students’ satisfaction questionnaire with critical reading judgement material that utilizes SQ5R. The data were analyzed with mean, standard deviation, dependent t–test, and efficiency proportion values (E1/ E2). The research was founded that: 1) The construction of critical reading judgement training material to be efficiency (E1/ E2) values of 88.96/87.00 which higher than 85/85 criterion 2) The average score of critical reading judgement skill during the Pretest and Post-test after learning with critical reading judgement training material and SQ5R were 19.47 and 27.13, which the post-test score significantly higher than the pretest and higher than the statistically different score at .05 level. 3) the overall satisfaction of the students toward the training material construct and plan by using the SQ5R method was the most satisfied ( x̅ = 4.62, S.D. = 0.23)

การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์ 1) เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะโดยใช้วิธีสอนแบบ SQ5R สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้เป็นไปตามเกณฑ์ 85/85 2) เปรียบเทียบความสามารถการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 จำนวน 30 คน ได้มาจากการเลือกสุ่มแบบกลุ่ม (cluster sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ 2) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีสอนแบบ SQ5R 3) แบบวัดความสามารถการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย (x̅) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (t-test dependent) และหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ (E1/E2) ผลการวิจัย พบว่า 1) การสร้างแบบฝึกทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 88.96/87.00 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 85/85 ที่กำหนดไว้ 2) ผลการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านอย่างมีวิจารณญาณ ก่อนและหลังเรียน มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 19.47 คะแนน และ 27.13 โดยคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะ ภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด ( x̅ = 4.62, S.D. = 0.23)