การออกฤทธิ์ของสารประกอบชีวภาพจากไหมข้าวโพดหวาน (Zea mays L.) หมัก

Abstract

Corn silk is classified as agricultural waste. The corn silk has the effect of expelling heat, diuretic, treating nephritis, treating jaundice, nourishing the liver, curing diabetes and treating sinusitis. Numerous health advantages of bioactive substances and antioxidant activity have also been discovered in corn silk. The objectives of this study were prepared by submerged fermentation and solid-state fermentation method to compare the effect of the fermented corn silk on total phenolic compounds and flavonoids content by Lactobacillus casei TISTR 1463 and Saccharomyces cerevisiae TISTR 1464: both, individual and mixture, effect of bioactive phytochemical components from the fermented corn silk, and effect of the fermented corn silk on activity of inhibition the enzyme xanthine oxidase led to gout from sweet corn silk and siam ruby queen corn silk. Method for experimenting with fresh sweet corn silk of Hy-brix 10 which fermented by microorganism Lactobacillus casei TISTR 1463 and Saccharomyces cerevisiae TISTR 1464: both, individual and mixture using stationary fermented in the still state, close with an air lock. The results showed that the fermented siam ruby queen corn silk by Lactobacillus casei TISTR 1463 showed the highest of total phenolic compound contents (0.54 mg GAE/mL) total flavonoids contents (147.8 mg QE/mL) antioxidant activity (60.06%) and xanthine oxidase inhibitory activity. The findings suggested that sweet corn silk have potential phytochemical that could be used in the future as therapeutic and it is also a source of antioxidants that can be used for further use.

ไหมข้าวโพดจัดเป็นส่วนที่เหลือทิ้งทางการเกษตร มีฤทธิ์ขับร้อน ขับปัสสาวะ แก้ไตอักเสบ รักษาดีซ่าน บำรุงตับ แก้เบาหวาน และรักษาโพรงจมูกอักเสบ อีกทั้งสารสกัดจากไหมข้าวโพดมีคุณสมบัติในการขับปัสสาวะ (Diuretic) และขับโพแทสเซียม (Kaliuretic) ได้ในสัตว์ทดลอง นอกจากนี้ พบสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพและกิจกรรมต้านอนุมูลมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย งานวิจัยนี้ใช้วิธีการหมักเพื่อสกัดสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพจากไหมข้าวโพด การหมักสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับผลิตภัณฑ์อาหาร โดยเพิ่มปริมาณสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ โดยวัตถุประสงค์ของการศึกษานี้เพื่อเปรียบเทียบผลของการหมักไหมข้าวโพดระหว่างเชื้อ Lactobacillus casei TISTR 1463 และ Saccharomyces cerevisiae TISTR 1464 ทั้งเชื้อเดี่ยวและเชื้อผสม ต่อปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดและฟลาโวนอยด์ทั้งหมด และเพื่อศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของไหมข้าวโพดหมัก รวมทั้งเพื่อศึกษาลักษณะการออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์แซนทีนออกซิเดสสาเหตุโรคเก๊าต์จากไหมข้าวโพดหวานและไหมข้าวโพดทับทิมสยาม โดยทำการหมักแบบเหลว Submerged fermentation และแบบแห้ง Solid-state fermentation รวมทั้งศึกษาสมบัติเชิงหน้าที่ของน้ำหมัก วิธีการทดลองใช้ไหมข้าวโพดหวานสดพันธุ์ Hy-brix 10 หมักด้วยเชื้อ Lactobacillus casei TISTR 1463 และ Saccharomyces cerevisiae TISTR 1464 ทั้งเชื้อเดี่ยวและผสม โดยใช้สภาวะหมักแบบนิ่ง เป็นเวลา 14 วัน ผลการทดลองพบว่าไหมข้าวโพดทับทิมสยามที่หมักแบบเหลว Submerged fermentation โดยเชื้อ Lactobacillus casei TISTR 1463 มีปริมาณสารประกอบฟีนอลิกทั้งหมดเท่ากับ 0.54 mg GAE/mL ปริมาณฟลาโวนอยด์ 147.8 mg QE/mL ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ 60.06% และฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์แซนทีนออกซิเดสสูงกว่าไหมข้าวโพดหวานอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ P<0.05 ผลการศึกษาที่ได้ชี้ให้เห็นว่าไหมข้าวโพดหวานเป็นแหล่งของสารพฤกษเคมีที่มีประโยชน์ อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลที่ได้เป็นพื้นฐานในการนำไหมข้าวโพดหวานมาพัฒนาเป็นยารักษาโรค รวมทั้งเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อไปได้