การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึกทักษะการออกเสียงแบบโฟนิกส์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านโนนตารอด จังหวัดกำแพงเพชร

Abstract

The objectives of this research were to 1) create the efficiency phonics exercises at the level of 80/80 and 2) compare the students’ reading skill between pre-learning and post-learning taught by phonics exercises. The samples were 10 students in Grade 4 students of Bannontarod School and were selected by purposive sampling in semester2, 2022. The research instruments were as follow; 1) 10 lesson plans with phonics exercises 2) 10 units of phonics exercises and 3) reading aloud examination for 30 questions. Data were analyzed by the use of mean, standard deviation, and one sample T-Test.

The research results were found that

1) The efficiency of phonics exercises was 80.30/82.00 that was higher than the level of 80/80

2) The average English post-test reading score of Grade 4 students was significantly higher than the average of pre-test reading score criteria at 0.05 level of significance.

การวิจัยในครั้งนี้เพื่อ 1) สร้างและหาประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงแบบโฟนิกส์ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เปรียบเทียบทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษของนักเรียน ก่อนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงแบบโฟนิกส์ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านโนนตารอด จังหวัดกำแพงเพชร ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 รวมทั้งสิ้น 10 คน ซึ่งได้จากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงแบบโฟนิกส์ จำนวน 10 แผน 2) แบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงแบบโฟนิกส์จำนวน 10 บท 3) แบบทดสอบวัดการอ่านออกเสียงจำนวน 30 ข้อ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าประสิทธิภาพ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที

ผลการวิจัยพบว่า 1) แบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงแบบโฟนิกส์เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าประสิทธิภาพ 80.30/82.00 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) คะแนนการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษหลังเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงแบบโฟนิกส์ สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05