การเปรียบเทียบวิธีการประมาณเวลากิจกรรมในเทคนิคการประเมินค่าและควบคุมโครงการ

Abstract

The objective of this research was to study and compare methods for estimating the mean and variance of activity time with 7 approximation techniques, including the program evaluation and review technique approximation method, Normal approximation method, Lognormal approximation method, the modified program evaluation and review technique approximation method, Ginzburg's approximation method, Ravi & Sireesha's approximation method and Weibull approximation method. The criterion for comparison is the percentage error of estimating mean and variance of activity time. The number of critical activity used in the study were 5, 10, 20, ..., 90, and 100 activities, and the skewness values were determined with a uniform distribution (1,2), (2,4), (4,6), (6,8) and repeated for each situation 1,000 times. The results of this research showed that the modified program evaluation and review technique approximation method is the most appropriate for the data and situation studied. the modified program evaluation and review technique approximation method's percentage error of estimating mean and variance of activity time decreases as the number of critical activity increases but it will increase as the skewness of the data increases.

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบวิธีการประมาณค่าเฉลี่ยและความแปรปรวนของเวลากิจกรรม ด้วยเทคนิคการประมาณ 7 วิธี ได้แก่ วิธีการประมาณด้วยเทคนิคการประเมินค่าและควบคุมโครงการ วิธีประมาณแบบปรกติ วิธีประมาณแบบล็อกนอร์มัล วิธีประมาณด้วยเทคนิคการประเมินค่าและควบคุมโครงการแบบปรับปรุง วิธีประมาณของ Ginzburg วิธีประมาณของ Ravi และ Sireesha และวิธีประมาณแบบไวบูล โดยเกณฑ์ในการเปรียบเทียบคือ ค่าเฉลี่ยร้อยละความคลาดเคลื่อนของการประมาณค่าเฉลี่ยและความแปรปรวนของเวลากิจกรรม ซึ่งจำนวนงานวิกฤตที่ใช้ในการศึกษา คือ 5, 10, 20, ..., 90 และ 100 กิจกรรม และกำหนดค่าความเบ้ของข้อมูลมีการแจกแจงแบบเอกรูป (1,2), (2,4), (4,6) และ (6,8) ทำการจำลองข้อมูลด้วยเทคนิคมอนติคาร์โลทำซ้ำ 1,000 ครั้งในแต่ละสถานการณ์ ผลการศึกษา พบว่า วิธีประมาณด้วยเทคนิคการประเมินค่าและควบคุมโครงการแบบปรับปรุง เป็นวิธีที่เหมาะสมกับข้อมูลและสถานการณ์ที่ได้ทำการศึกษามากที่สุดเมื่อทำการเปรียบเทียบกับวิธีการประมาณค่าอื่น ๆ และค่าเฉลี่ยร้อยละความคลาดเคลื่อนของการประมาณค่าเฉลี่ยและความแปรปรวนของเวลากิจกรรมที่ได้จะลดลงเมื่อจำนวนงานวิกฤตเพิ่มขึ้นแต่เพิ่มขึ้นเมื่อค่าความเบ้ของข้อมูลเพิ่มขึ้น