การศึกษาองค์ประกอบทางเคมีและฤทธิ์การยับยั้งเอนไซม์อะซิติลโคลีนเอสเทอเรสจากส่วนเหนือดินของพืชบอนเต่า

Abstract

This research focused on the investigation of chemical constituent couple with their antioxidant activity, acetylcholinesterase inhibitor activity of Hapaline benthamiana Schott. crude extracts via At-line LCMS/MS technique. The antioxidant and acetylcholinesterase inhibitory activities were determined by using 2, 2-diphenyl-1-picrylhydrazyl (DPPH) free radical scavenging and Ellmen’s methods, respectively. The results showed that the methanol crude extract showed the highest antioxidant activity (80.67) and highest acetylcholinesterase inhibitory activities (34.36) with the concentration at 1000 ppm. The chemical compositions of plant crude methanolic extract were analyzed by at-line LCMS/MS technique in positive and negative modes. The results indicated that the 17 compounds were identified in positive mode, while 46 compounds were detected in negative mode. From antioxidant activity, acetylcholinesterase inhibitor activity of all compounds, it was found that the Cucurbitacin I 2-glucoside and Gingerglycolipid C showed highest acetylcholinesterase inhibitory activity (31.13%) and p-Coumaroylquinic acid, Genistic acid, 6-C-Fucosylluteolin and Protocatechuic acid exhibited strong antioxidant activity with a highest percentage of inhibition (51.51%) From all compounds, it can be divided into 8 classes including amino acid, phenolic acid, flavonoid, fatty acid, carboxylic acid, Steroid and monosaccharide/Disaccharide derivative The results suggest that this plant species may provide a substantial source of secondary metabolites, which act as natural antioxidants and acetylcholinesterase inhibitors and may be beneficial in the treatment of Alzheimer's disease (AD).

งานวิจัยนี้มุ่งเน้นถึงการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีควบคู่กับการศึกษาฤทธิ์การยับยั้งเอนไซม์อะซิติลโคลีนเอสเทอเรส และฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระดีพีพีเอชของสารสกัดหยาบจากบอนเต่าด้วยเทคนิค At-line LCMS/MS โดยการศึกษาสมบัติการต้านสมบัติการต้านอนุมูลอิสระและการยับฤทธิ์การยับยั้งเอนไซม์อะซิติลโคลีนเอสเทอเรสจะใช้วิธีการดักจับดีพีพีเอชแรดิคัลและวิธีของแอลแมนตามลำดับจากผลการศึกษาพบว่า สารสกัดหยาบเมทานอลที่ความเข้มข้น 1000 ppm แสดงสมบัติการต้านอนุมูลอิสระ และการยับยั้งเอนไซม์อะซิติลโคลีนเอสเทอเรสดีที่สุด คิดเป็น 80.67% และ 34.36% ตามลำดับ จากการศึกษาไปรไฟล์ขององค์ประกอบทางเคมีของสารสกัดหยาบเมทานอลโดยใช้เทคนิค LC-MS/MS ในโหมดที่เป็นบวกและลบ พบว่าในสารสกัดหยาบดังกล่าวพบองค์ประกอบทางเคมีทั้งหมด 58 สาร โดยในโหมดที่เป็นบวกจะพบ 17 สาร ในขณะสาร 46 สารพบในโหมดที่เป็นลบ จากการศึกษาฤทธิ์การยับยั้งเอนไซม์อะซิติลโคลีนเอสเทอเรส และฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระดีพีพีเอชขององค์ประกอบทางเคมีแต่ละชนิด พบว่า cucurbitacin I 2-glucoside และ gingerglycolipid C แสดงสมบัติในการยับยั้งเอนไซม์อะซิติลโคลีนเอสเทอเรสได้ดีที่สุดคิดเป็น 31.13% และ p-coumaroylquinic acid, genistic acid, 6-c-fucosylluteolin และ protocatechuic acid ซึ่งเป็นสารประเภทสารประกอบฟีนอลิคแสดงสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระได้สูงที่สุดคิดเป็น 51.51% จากองค์ประกอบทางเคมีทั้งหมดที่พบสามารถแบ่งกลุ่มขององค์ประกอบทางเคมีที่พบทั้งหมด 8 กลุ่ม ได้แก่ ได้แก่ amino acid, phenolic acid, flavonoid, fatty acid, carboxylic acid, Steroid และ monosaccharide/Disaccharide derivative จากผลการทดลองที่ได้สามารถกล่าวได้ว่าพืชชนิดนี้สามารถเป็นแหล่งของสารสำคัญที่มีสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ และฤทธิ์การยับยั้งเอนไซม์อะซิติลโคลีนเอสเทอเรสที่ดีได้ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ในการนำไปรักษาโรคอัลไซเมอร์ต่อไปได้