Please use this identifier to cite or link to this item:
http://nuir.lib.nu.ac.th/dspace/handle/123456789/5897
Title: | พระศรีมหาอุมาเทวี : อาร์คีไทพ์ของความรักและความภักดี GODDESS SRI MAHA UMA DEVI: LOVE AND BHAKTI ARCHETYPES |
Authors: | Arthima Pongpaiboon อาทิมา พงศ์ไพบูลย์ Onusa Suwanpratest อรอุษา สุวรรณประเทศ Naresuan University Onusa Suwanpratest อรอุษา สุวรรณประเทศ onusas@nu.ac.th onusas@nu.ac.th |
Keywords: | พระศรีมหาอุมาเทวี อาร์คีไทพ์ คติชนวิทยา goddess Sri Maha Uma Devi archetype folklore |
Issue Date: | 2565 |
Publisher: | Naresuan University |
Abstract: | This dissertation has two objectives. First, the aim is to study of the appearance and the power of Shakti of Sri Maha Uma Devi in myth. Second, the study of the archetype of love and bhakti (loyalty) from the address term and the myth of Sri Maha Uma Devi.
The result of the appearance and the power of Shakti in the myth of Sri Maha Uma Devi found that; there is an extensive spreading of belief in Thailand. It can be seen in various postures and appearances, ranging from the beauty posture like mother god Uma Parvati to the warrior and demon posture like Durga – Kali. Both appearances reflect the duality of things --- black and white, dark and light. Every posture fluxes with myth and profound philosophy of triumph over evil, reflecting the archetype of motivation and solidity. It has a role in being a restraint and cultivating the power of the mind, having willpower and a straight act to maintain the goodness of the devotee. Overtly, it is a vehicle for the believer to do better for society.
The result for the address term of Sri Maha Uma Devi from Sri Lalita Sahasaranama found that over one thousand names refer to Sri Uma Devi. It helped in understanding her various posture of her that represent her special characteristic, her role as a wife and shakti of lord Shiva, her act as the mother of things, her relation with the other gods and her personal favourites. Those names are proven the existence of Sri Maha Uma Devi as a virtue, supremacy and special care for the family. The combination becomes a power of love that spreads out without a horizon. Then, she becomes a personification of the timeless goddess from the past to the present.
The result of the myth of Sri Maha Uma Devi found that; the tale of goddess Sati is suspicious; thus, it has to be recurrent for a new assessment. Therefore, goddess Parvati must cut through the obstacles and sacrifice until she passes and acclaim the designate of Shiva’s wife and Shakti. Later on, the recognition of the love of the mother who is full of kindness both for her child and everything on earth has been accepted as an archetype of love that need a trustful, sacrifice and perseverance to reach approval. Meanwhile, the myth of goddess Kali and Durga represents the power of love that fight against a serious mission. Then, she was worshipped as superior heroin.
The myth of goddess Kanya Kumari, the avatar as a virgin woman, lives at the end of India sub-continental, epitome for executing the demon and maintaining the earth's balance. The myth relates to some part right shoulder and backbone of goddess Shakti Peethas that represent the power of Kundalini Shakti. It was centred on the origin of the energy that provided goodness, love and enlightenment to the devotees who pilgrim to that holy place.
All myths of Sri Maha Uma Devi link together with the power of love and cherish. It emphasises the role of the goddess. Most of all, every tale has provided a lesson learned for life. วิทยานิพนธ์เล่มนี้มีวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ 1. เพื่อศึกษาเทพปกรณัมของพระศรีมหาอุมาเทวีในด้านการสำแดงรูปและพลังแห่งศักติ 2. เพื่อศึกษาอาร์คีไทพ์ของความรักและความภักดีจากพระนามและเทพปกรณัมของพระศรีมหาอุมาเทวี ผลการศึกษาเกี่ยวกับเทพปกรณัมของพระศรีมหาอุมาเทวีในด้านการสำแดงรูปและพลังแห่งศักติ พบว่าจากความแพร่หลายในการนับถือพระแม่ศรีมหาอุมาเทวีในภาคปรากฏต่างๆ แสดงให้เห็นว่าในประเทศไทยมีการนับถือบูชาพระแม่ศรีมหาอุมาเทวีทั้งในภาคที่มีรูปลักษณ์สวยงาม อย่างพระแม่อุมาปารวตี และภาคที่ดุร้ายหรือมีลักษณะเป็นนักรบอย่างพระแม่ทุรคา - กาลี ทั้งนี้ทุกภาคปรากฏของพระแม่ได้สื่อถึงทวิภาวะของสรรพสิ่ง เช่น เมื่อมีดำก็มีขาว มีด้านมืดและด้านสว่าง ทุกภาคปรากฏล้วนแฝงด้วยมายาคติ และแฝงด้วยปรัชญาอันลึกซึ้ง แสดงถึงการมีชัยชนะเหนือความชั่วร้าย แสดงถึงต้นแบบของความมุ่งมั่นและเข้มแข็ง มีบทบาทในการเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ และจรรโลงจิตวิญญาณเพื่อให้มีพลัง มีกำลังใจและตั้งมั่นอยู่ในความดี ทั้งยังมีส่วนในการสร้างสังคมที่ดีต่อไป ผลการศึกษาเกี่ยวกับพระนามของพระศรีมหาอุมาเทวีจากคัมภีร์ศรีลลิตาสหัสรนาม (Sri Lalita Sahasaranama) พบว่าพระนามของพระแม่มีมากกว่าหนึ่งพันพระนาม ซึ่งทำให้ได้เข้าใจถึงภาคปรากฏที่หลากหลาย สื่อถึงคุณลักษณะพิเศษ, บทบาทหน้าที่ ทั้งบทบาทในฐานะชายาและศักติของพระศิวะ บทบาทในฐานะมารดาของโลก, ความเชื่อมโยงกับเทพเจ้าพระองค์อื่น และสิ่งที่ทรงโปรดปราน จากความหมายของพระนามที่หลากหลายนี้เป็นที่ประจักษ์ว่าด้วยการดำรงคุณสมบัติแห่งความดีงามอันประเสริฐ ความสามารถอันเป็นเลิศ และความรักครอบครัวอย่างยิ่งใหญ่ องค์ประกอบต่างๆ ได้กลายเป็นพลานุภาพแห่งความรักที่แผ่ไพศาลจนทำให้พระศรีมหาอุมาเทวีเป็นบุคลาธิษฐานแห่งเทพเทวีที่มีผู้คนนับถือข้ามผ่านกาลเวลามาจนถึงปัจจุบัน ผลการศึกษาเกี่ยวกับเทพปกรณัมของพระศรีมหาอุมาเทวีพบว่าเทพปกรณัมของพระแม่สตีเป็นความรักที่ยังไม่ผ่านบททดสอบจึงต้องกลับมาใหม่อีกครั้ง เป็นพระแม่ปารวตีซึ่งต้องฝ่าฟันอุปสรรค เสียสละอดทนจนสามารถผ่านบททดสอบและเป็นชายาหรือศักติของพระศิวะได้ จากนั้นจึงเป็นความรักในลักษณะมารดาที่เปี่ยมด้วยเมตตากรุณา ทั้งมารดาของบุตรและมารดาของโลก เป็นอาร์คีไทพ์ของความรักที่ต้องใช้ความภักดี ความเสียสละ วิริยอุตสาหะจึงสามารถผ่านบททดสอบได้ ส่วนเทพปกรณัมของพระแม่กาลีและพระแม่ทุรคาเป็นลักษณะของความรักที่ทรงพลัง ต่อสู้เพื่อปฏิบัติภารกิจสำคัญจนได้รับชัยชนะ ควรค่าแก่การยกย่องในฐานะวีรสตรีผู้ยิ่งใหญ่ เทพปกรณัมของพระแม่กันยากุมารีเกี่ยวกับการอวตารเป็นหญิงสาวพรหมจารีเพื่อปราบอสูรและรักษาสมดุลแห่งโลก เรื่องราวเกิดขึ้น ณ สถานที่สุดแผ่นดินของอนุทวีปอินเดีย ได้มีความเชื่อมโยงกับชิ้นส่วนของพระแม่สตี (Shakti Peethas) ส่วนไหล่ขวา และกระดูกสันหลังอันเป็นพลังแห่งกุณฑาลินีศักติ เป็นศูนย์รวมแห่งพลังเริ่มแรก พลังผู้ให้ชีวิต พลังความดี ความรัก และการรู้แจ้ง บริเวณนั้นกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้มาแสวงบุญเป็นจำนวนมาก ทุกเทพปกรณัมของพระศรีมหาอุมาเทวีล้วนมีความเชื่อมโยงกัน โดยมีพลังแห่งความรักและความภักดีเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนแต่ละบทบาท และทุกเทพปกรณัมล้วนเป็นบทเรียนของชีวิต |
URI: | http://nuir.lib.nu.ac.th/dspace/handle/123456789/5897 |
Appears in Collections: | คณะมนุษยศาสตร์ |
Files in This Item:
File | Description | Size | Format | |
---|---|---|---|---|
ArthimaPongpaiboon.pdf | 2.69 MB | Adobe PDF | View/Open |
Items in NU Digital Repository are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.