ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้

Abstract

The main objective of predictive research was to study factors predicting health literacy among patients with uncontrolled type 2 diabetes in Mueang District Phitsanulok Province. Data were collected with questionnaires from 432 subjects and analyzed with descriptive statistics and inference statistics such as Multiple Linear Regression Analysis (stepwise) at a significant level of 0.05.

The results showed that the most of samples had insufficient levels (47.9%), sufficient levels (44.9%), and sufficiently high levels (8.1%) on health literacy respectively. Most of the samples received regular social support from family at the highest level (82.3%), followed by social support from health workers (60.1%) and village health volunteer (57.6%) respectively. Social support from friends was found that received in some time (51.0 %). The results of analysis found that ability to access the Internet on their own was the strongest predictor health literacy among patients with uncontrolled type 2 diabetes (Beta = 0.499, P-value < 0.001) follow by level of education bachelor's degree or higher (Beta = 0.497, P-value < 0.001), level of education below a bachelor's degree (Beta = 0.360, P-value < 0.001), Someone helps to use the Internet (Beta = 0.218, P-value < 0.001), Support from health workers (Beta = 0.158, P-value < 0.001), Average monthly income 15,001 baht or more (Beta = 0.108, P-value = 0.002), Have a device to access the Internet (Beta = 0.085, P-value = 0.028), and Support from family members (Beta = 0.082, P-value = 0.013) respectively. The eight factors can predict health literacy among patients with uncontrolled type 2 diabetes at 55.60 percent with a significant level of 0.05.

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ ในอำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก รวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง 432 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยใช้สถิติเชิงพรรณนา และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ Multiple Linear Regression Analysis แบบ Stepwise กำหนดค่านัยสำคัญที่ระดับ 0.05

ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ มีความรอบรู้ด้านสุขภาพในระดับยังไม่เพียงพอ (ร้อยละ 47.9) รองลงมา มีความรอบรู้ด้านสุขภาพในระดับเพียงพอ (ร้อยละ 44.9) และมีความรอบรู้ด้านสุขภาพในระดับมากเพียงพอ (ร้อยละ 8.1) ตามลำดับ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมจากครอบครัว เป็นประจำ สูงที่สุด (ร้อยละ 82.3) รองลงมา ได้รับแรงสนับสนุนทางสังคมจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข (ร้อยละ 60.1) และจากอาสาสมัครสาธารณสุข (ร้อยละ 57.6) ตามลำดับ สำหรับแรงสนับสนุนทางสังคมที่ได้รับจากเพื่อน พบว่าส่วนใหญ่ได้รับเป็นบางครั้ง (ร้อยละ 51.0) ปัจจัยที่มีอำนาจการพยากรณ์ความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้สูงที่สุด ได้แก่ สามารถเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ด้วยตนเอง (Beta = 0.499, P-value < 0.001) รองลงมา ได้แก่ ระดับการศึกษาปริญญาตรีขึ้นไป (Beta = 0.497, P-value < 0.001) ระดับการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี (Beta = 0.360, P-value < 0.001) มีคนอื่นช่วยในการใช้งานอินเทอร์เน็ต (Beta = 0.218, P-value < 0.001) ได้รับแรงสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข (Beta = 0.158, P-value < 0.001) รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 15,001 บาทขึ้นไป (Beta = 0.108, P-value = 0.002) มีอุปกรณ์ในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต (Beta = 0.085, P-value = 0.028) และ ได้รับแรงสนับสนุนจากบุคคลในครอบครัว (Beta = 0.082, P-value = 0.013) ตัวแปรทั้ง 8 ตัวร่วมพยากรณ์ความรอบรู้ด้านสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่ควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้ ได้ร้อยละ 55.60 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05