ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าของเจ้าของสัตว์เลี้ยง ตำบลพุทธบาท อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์

Abstract

This study was a cross-sectional study. To study factors affecting rabies prevention behaviors of pet owners in Puttabath Subdistrict, Chondaen District, Petchabun Province. Collect data using information from respondents. The sample group was There were 302 owners of dogs or cats living in Puttabath Subdistrict, Chondaen District, Phetchabun Province. Data were analyzed by frequency, percentage, mean, standard deviation. Pearson correlation coefficient analysis eta correlation coefficient analysis and stepwise multiple regression analysis.

The results of the study revealed that the sample group were female 62.25 percent, mean age 44.07 years (SD = 10.68), primary education 50.00 percent, agriculture 60.60 percent. And had rabies prevention behaviors. is at a high level ( = 56.67, S.D. = 8.964). A stepwise multiple regression analysis revealed that exposure to rabies information (Beta = 4.470, p = 0.003), recognizing the risk of rabies ( Beta = 0.397, p < 0.001) and expectations of one’s own ability to prevent rabies (Beta = 0.397, p < 0.001) such variables were able to predict rabies prevention behaviors of pet owners by 40.6 percent.

Research Recommendations Relevant agencies should provide information about rabies. and educate about rabies as well as promoting the registration and vaccination against rabies continuously. To make people aware of the risk and severity of rabies.

การศึกษาครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบภาคตัดขวาง (Cross-sectional study) เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าของเจ้าของสัตว์เลี้ยงตำบลพุทธบาท อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม กลุ่มตัวอย่างคือ เจ้าของสุนัขหรือแมวที่อาศัยอยู่ในตำบลพุทธบาท อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 302 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน การวิเคราะค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อีต้า และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน

ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศหญิง ร้อยละ 62.25 อายุเฉลี่ย 44.07 ปี (SD = 10.68) จบการศึกษาระดับประถมศึกษา ร้อยละ 50.00 ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ 60.60 และมีพฤติกรรมการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า อยู่ในระดับสูง (ค่าเฉลี่ย = 56.67, S.D. = 8.964) การวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบขั้นตอน พบว่า การได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า (Beta = 4.470, p = 0.003) การรับรู้โอกาสเสี่ยงของการเป็นโรคพิษสุนัขบ้า (Beta = 0.397, p < 0.001) และความคาดหวังในความสามารถของตนเองในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า (Beta = 0.397, p < 0.001) ตัวแปรดังกล่าวสามารถร่วมกันทำนายพฤติกรรมการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าของเจ้าของสัตว์เลี้ยง ได้ร้อยละ 40.6

ข้อเสนอแนะจากการวิจัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า และให้ความรู้เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า ตลอดจนส่งเสริมการขึ้นทะเบียนและฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงโอกาสเสี่ยงและความรุนแรงของโรคพิษสุนัขบ้า